วิธีสอนแบบโครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มีครูเป็นผู้กระตุ้นเพื่อนําความสนใจที่เกิดจากตัวนักเรียนมาใช้ในการทํากิจกรรมค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัว นักเรียนเอง นําไปสู่การเพิ่มความรู้ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติ การฟังและการสังเกตจากผู้เชี่ยวชาญ โดยนักเรียนมีการเรียนรู้ผ่านกระบวนการทํางานเป็นกลุ่ม ที่จะนํามาสู่การสรุปความรู้ใหม่ มีการเขียน กระบวนการจัดทําโครงงานและได้ผลการจัดกิจกรรมเป็นผลงานแบบรูปธรรม (ดุษฎี โยเหลาและคณะ. 2557: 19-20) ที่เปิดโอกาสใหินักเรียนได้ทํางานตามระดับทักษะที่ตนเองมีอยู่ เป็นเรื่องที่สนใจและรู้สึก สบายใจที่จะทํา นักเรียนได้รับสิทธิในการเลือกว่าจะตั้งคําถาม และกําหนดความต้องการผลผลิตจาก การทํางาน โดยครูทําหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์ ชี้แนะแหล่งเรียนรู้ สนับสนุนการแก้ไขปัญหา และ สร้างแรงจูงใจให้แก่นักเรียน โดยลักษณะของการเรียนรู้แบบโครงงาน (เลิศชาย ปานมุข. 2559) มีดังนี้
- นักเรียนกําหนดการเรียนรู้ของตนเอง
- เชื่อมโยงกับชีวิตจริง สิ่งแวดล้อมจริง
- มีฐานจากการวิจัย หรือ องค์ความรู์ที่เคยมี
- ใช้แหล่งข้อมูล หลายแหล่ง
- ฝังตรึงด้วยความรู้และทักษะบางอย่าง
- ใช้เวลามากพอในการสร้างผลงาน
- มีผลผลิต
ในการจัดการเรียนรู้่แตละครั้ง ครูจะต้องเป็นผู้ที่มีความพร้อมและมีความแม่นยําในเนื้อหา เพื่อให้การจัดการเรียนรู้เป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถอํานวยความสะดวกให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ ขณะทํากิจกรรม ซึ่งการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดังกล่าว มีแนวทางในการจัดการเรียนรู้ 2 รูปแบบ (เลิศ ชาย ปานมุข. 2559) ครอบคลุม (1) การจัดกิจกรรมตามความสนใจของผู้เรียน และ (2) การจัดกิจกรรมตามสาระการเรียนรู้
1. การจัดกิจกรรมตามความสนใจของผู้เรียน
การจัดกิจกรรมตามความสนใจของผู้เรียน เป็นการจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนเลือก ศึกษาโครงงานจากสิ่งที่สนใจอยากรู้ที่มีอยู่ในชีวิตประจําวัน สิ่งแวดล้อมในสังคม หรือจากประสบการณ์ต่างๆ ที่ยังต้องการคําตอบ ข้อสรุป ซึ่งอาจจะอยู่นอกเหนือจากสาระการเรียนรู้ในบทเรียนของหลักสูตร
2. การจัดกิจกรรมตามสาระการเรียนรู้
การจัดกิจกรรมตามสาระการเรียนรู้ เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยยึดเนื้อหาสาระตามที่หลักสูตรกําหนด ผู้เรียนเลือกทําโครงงานตามที่สาระการเรียนรู้ จากหน่วยเนื้อหาที่เรียนในชั้นเรียน นํามาเป็นหัวข้อโครงงาน