การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา

ส่งต่อให้เพื่อนอ่าน :

สะเต็มศึกษา (STEM Education) คือการสอนแบบบูรณาการข้าม กลุ่มสาระวิชา (Interdisciplinary Integration) ระหว่างศาสตร์สาขาต่างๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science: S) เทคโนโลยี (Technology: T) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer: E) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics: M) โดยนําจุดเด่นของธรรมชาติตลอดจนวิธีการสอนของแต่ละสาขาวิชามาผสมผสานกันอย่างลงตัว เพื่อให้ ผู้เรียนนําความรู้ทุกแขนงมาใช้ในการแก้ปัญหา การค้นคว้าและการพัฒนาสิ่งต่างๆ ในสถานการณ์โลก ปัจจุบัน ซึ่งอาศัยการจัดการเรียนรู้ที่ครูผู้สอนหลายสาขาร่วมมือกันเพราะในการทํางานจริงหรือในชีวิตประจําวันนั้นต้องใช้ความรู้หลายด้านในการทํางานทั้งสิ้นไม่ได้แยกใช้ความรู้เป็นส่วนๆ นอกจากนี้ STEM Education ยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จําเป็นสําหรับ ศตวรรษที่ 21 อีกด้วย ทั้งนี้ STEM Education เป็นการจัดการศึกษาที่มีแนวคิดและลักษณะ (พรทิพย์ ศิริภัทราชัย. 2556 : 49- 56 ; สมชาย อุ่นแก้ว. 2560 : 1-17) ดังนี้

  1. เป็นการบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา (Interdisciplinary Integration) นั่นคือเป็น การบูรณาการระหว่างศาสตร์สาขาต่างๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (S) เทคโนโลยี (T) วิศวกรรมศาสตร์ (E) และ คณิตศาสตร์ (M) ทั้งนี้ได้นําจุดเด่นของธรรมชาติตลอดจนวิธีการสอนของแต่ละสาขาวิชามาผสมผสานกันอย่างลงตัว กล่าวคือ
    • วิทยาศาสตร์ (S) เน้นเกี่ยวกับความเข้าใจในธรรมชาติ โดยนักการศึกษามักชี้แนะให้ อาจารย์ครูผู้สอนใช้วิธีการสอนวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการสืบเสาะ (Inquiry-based Science Teaching) กิจกรรมการสอนแบบแก้ปัญหา (Scientific Problem-based Activities) ซึ่งเป็นกิจกรรม ที่เหมาะกับผู้เรียนระดับประถมศึกษา แต่ไม่เหมาะกับผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา หรือมหาวิทยาลัย เพราะ ทําให้ผู้เรียนเบื่อหน่ายและไม่สนใจ แต่การสอนวิทยาศาสตร์ใน STEM Education จะทําให้นักเรียน สนใจ มีความกระตือรือร้น รู้สึกท้าทายและเกิดความมั่นใจในการเรียน ส่งผลให้ผู้เรียนสนใจที่จะเรียนใน สาขาวิทยาศาสตร์ในระดับชั้นที่สูงขึ้นและประสบความสําเร็จในการเรียน
    • เทคโนโลยี (T) เป็นวิชาที่เกี่ยวกับกระบวนการแก้ปัญหา ปรับปรุง พัฒนาสิ่งต่างๆ หรือกระบวนการต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเรา โดยผ่านกระบวนการทํางานทาง เทคโนโลยีที่เรียกว่า Engineering Design หรือ Design Process ซึ่งคล้ายกับกระบวนการสืบเสาะ ดังนั้น เทคโนโลยีจึงไม่ใช่เฉพาะคอมพิวเตอร์หรือ ICT เพียงอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งอํานวยความสะดวก มากมายในชีวิตประจําวัน
    • วิศวกรรมศาสตร์ (E) เป็นกิจกรรมการคิดสร้างสรรค์ การออกแบบพัฒนา ประยุกต์ ดัดแปลงสิ่งต่างๆ ให้เป็นนวัตกรรม นําของเก่ามาประยุกต์ใช้ใหม่ให้ดีกว่าเดิม หรือคิดค้นสิ่งใหม่สําหรับ การใช้ประโยชน์ในชีวิตประจําวัน นักเรียนได้ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ซึ่ง งานออกแบบ พัฒนา ดัดแปลง ประยุกต์ใช้สิ่งตางๆ สามารถกําหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ได้ทั้งแบบง่ายๆ หรือแบบยุ่งยากซับซ้อน ขึ้นอยู่กับระดับชั้นของผู้เรียน สามารถปฏิบัติได้ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึง ระดับอุดมศึกษา
    • คณิตศาสตร์ (M) ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการคํานวณเท่านั้น แต่เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับ องค์ประกอบอื่นที่สําคัญ ดังนี้
      • ประการแรก คือ กระบวนการคิดคณิตศาสตร์ (Mathematical Thinking) ซึ่งได้แก่
        การเปรียบเทียบ การจําแนก/จัดกลุ่ม การจัดแบบรูป และการบอกรูปร่างและคุณสมบัติ
      • ประการที่สอง คือ ภาษาคณิตศาสตร์ เด็กจะสามารถถ่ายทอดความคิดหรือ ความเข้าใจความคิดรวบยอด (Concept) ทางคณิตศาสตร์ได้โดยใช้ภาษาคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร เช่น มากกว่า น้อยกว่า เล็กกว่า ใหญกว่า ฯลฯ
      • ประการสุดท้าย คือ การส่งเสริมการคิด คณิตศาสตร์ขั้นสูง (Higher-Level Math
        Thinking) จากกิจกรรมการเล่นของเด็กหรือการทํากิจกรรมในชีวิตประจําวัน
  2. เป็นการบูรณาการที่สามารถจัดสอนได้ในทุกระดับชั้นตั้งแต่ชั้นอนุบาล – มัธยมศึกษาตอนปลาย โดยพบว่าใน ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กําหนดเป็นนโยบายทางการศึกษาให้แต่ละรัฐนํา STEM Education มาใช้ ผลจากการศึกษา พบว่า ครูผู้สอนใช้วิธีการสอนแบบ Project-based Learning, Problem-based Learning, Design-based Learning ทําให้นักเรียนสามารถสร้างสรรค์ พัฒนาชิ้นงานได้ดีและถ้าครูผู้สอนสามารถใช้ STEM Education ในการสอนได้เร็วเท่าใดก็จะยิ่งเพิ่ม ความสามารถและศักยภาพผู้เรียนได้มากขึ้นเท่านั้นซึ่งในขณะนี้ในบางรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกามีการ นํา STEM Education ไปสอนตั้งแต่ระดับวัยก่อนเรียน (Preschool) ด้วย
  3. เป็นการสอนที่ทําให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างครบถ้วน และสอดคล้องกับ แนวการพัฒนาคนให้มีคุณภาพในศตวรรษที่ 21 เช่น
    • ด้านปัญญา ผู้เรียนเข้าใจในเนื้อหาวิชา
    • ด้านทักษะการคิด ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิด โดยเฉพาะการคิดขั้นสูง เช่น การคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ
    • ด้านคุณลักษณะ ผู้เรียนมีทักษะการทํางานกลุ่มทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การเป็นผู้นําตลอดจนการน้อมรับคําวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่น

จากแนวคิดข้างต้นนักการศึกษาก็ยังได้มีบูรณาการศาสตร์อื่นประกอบเพื่อให้การจัดการศึกษา STEM Education นั้นครอบคลุมและพัฒนาผู้เรียนได้อย่างแท้จริงแบบรอบด้าน เช่น การจัดการศึกษา STEAM Education ที่มีการบูรณาการศิลปะ (A) ทําให้ผู้เรียนมีโอกาสถ่ายทอดหรือประยุกต้ใช้แนวคิดสําคัญ (Concept) ด้วยความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการยิ่งขึ้นผู้เรียนยังสามารถสื่อสารความคิดของตนเอง ในรูปแบบของดนตรีและการเคลื่อนไหว การสื่อสารด้วยภาษาท่าทางหรือ การวาดภาพ หรือการสร้างโมเดลจําลอง ทําให้ชิ้นงานนั้นๆ มีองค์ประกอบด้านความสวยงามและ ความพึงพอใจเพิ่มขึ้น เกิดเป็นชิ้นงานที่มีความสมบูรณ์ทั้งการใช้งานและความพอใจ นอกจาก STEM Education จะเป็นการบูรณาการศาสตร์ทั้ง 4 สาขาดังที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังเป็นการบูรณาการด้านบริบท (Context Integration) ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจําวันอีกด้วย ซึ่งจะทําให้การสอนนั้นมี ความหมายต่อผู้เรียน ทําให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของการเรียนนั้นๆ และสามารถนําไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจําวันได์ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการทํางาน การเพิ่มมูลค่า และสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับ ประเทศด้านเศรษฐกิจได้

ส่งต่อให้เพื่อนอ่าน :

ความหมายของจริยธรรม และการทุจริต

จริยธรรม: ความหมายและความสำคัญ จริยธรรม เป็นหลักการและมาตรฐานทางพฤติกรรมที่กำหนดว่าการกระทำใดถูกต้องและดีงาม ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมยึดถือและคาดหวังให้บุคคลประพฤติปฏิบัติตามในชีวิตประจำวัน จริยธรรมครอบคลุมทั้งความซื่อสัตย์ ความเป็นธรรม ความเคารพต่อผู้อื่น และการรับผิดชอบต่อสังคม จริยธรรมเป็นแนวทางในการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้อื่นและสังคมโดยรวม การทุจริต: ความหมายและผลกระทบ การทุจริต หมายถึง การกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์หรือไม่ถูกต้องโดยใช้ตำแหน่งหรืออำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว การทุจริตสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ เช่น การรับสินบน การยักยอกทรัพย์สินขององค์กร การใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว การทุจริตส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจและสังคม...

การทุจริตในประเทศไทย: รูปแบบและลักษณะของการเกิดขึ้น

การทุจริตเป็นปัญหาที่ฝังลึกอยู่ในโครงสร้างทางการเมืองและสังคมของประเทศไทย เราสามารถแบ่งรูปแบบการทุจริตออกเป็น 3 ลักษณะหลัก ซึ่งแต่ละลักษณะมีความซับซ้อนและผลกระทบที่แตกต่างกันไป บทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดของแต่ละลักษณะและผลกระทบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจปัญหานี้ได้อย่างถ่องแท้ 1. การทุจริตที่แบ่งตามผู้ที่เกี่ยวข้อง การทุจริตในลักษณะนี้มักเกิดขึ้นจาก อำนาจและความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ ในสังคมไทย ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้การอุปถัมภ์และผู้ถูกอุปถัมภ์เป็นพื้นฐานของการกระทำที่ทุจริต ทั้งในภาครัฐและเอกชน ตัวอย่างเช่น การมอบสิทธิพิเศษหรือการเข้าถึงทรัพยากรของรัฐให้กับกลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ ซึ่งทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในสังคมและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว 2. การทุจริตที่แบ่งตามกระบวนการที่ใช้ กระบวนการในการทุจริต สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1....

การเปรียบเทียบผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมในสังคม

ในสังคมปัจจุบัน การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง ผลประโยชน์ส่วนตน และ ผลประโยชน์ส่วนรวม มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทั้งสองอย่างนี้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและความสำเร็จของบุคคลและสังคม การเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของผลประโยชน์ทั้งสองชนิดนี้จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมได้อย่างชัดเจน และสามารถหาสมดุลที่เหมาะสมในการดำเนินชีวิตได้ ผลประโยชน์ส่วนตน: มุมมองและผลกระทบ ผลประโยชน์ส่วนตน เป็นสิ่งที่บุคคลให้ความสำคัญต่อความต้องการและความพึงพอใจของตนเองเป็นหลัก ในทางปฏิบัติ การให้ความสำคัญกับตนเองเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ควรพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อคนรอบข้างด้วย ข้อดีของผลประโยชน์ส่วนตน การพัฒนาความสามารถส่วนบุคคล: การที่เรามุ่งมั่นให้ความสำคัญกับตนเอง ทำให้เรามีโอกาสพัฒนาทักษะและความสามารถในด้านต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิต การเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้: บุคคลที่เน้นผลประโยชน์ส่วนตนมักจะมีความสามารถในการหาโอกาสในการสร้างรายได้และเพิ่มความมั่งคั่งให้กับตนเอง ความเป็นผู้นำในสังคม: เมื่อเราพัฒนาตนเองให้มีความสามารถและความรู้ที่ลึกซึ้ง...

การเปรียบเทียบ และข้อดีข้อเสีย ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมในสังคม

ในสังคมทุกวันนี้ การพิจารณาความสำคัญระหว่าง ผลประโยชน์ส่วนตน และ ผลประโยชน์ส่วนรวม เป็นประเด็นที่น่าสนใจและมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากการที่เราจะสามารถสร้างสังคมที่แข็งแกร่งและยั่งยืนได้นั้น จำเป็นต้องมีการปรับสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของบุคคลและกลุ่มคนในสังคม อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจที่ดีที่สุดในการดำเนินชีวิตมักมาจากการที่เราสามารถวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลประโยชน์ส่วนตน: ข้อดีและข้อเสีย ผลประโยชน์ส่วนตน หมายถึง การที่บุคคลให้ความสำคัญกับความต้องการและความพึงพอใจของตนเองเป็นหลัก ซึ่งการคิดถึงตนเองก่อนอาจมีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ข้อดีของผลประโยชน์ส่วนตน การพัฒนาตนเอง: การที่บุคคลให้ความสำคัญกับตนเองสามารถช่วยในการพัฒนาทักษะ ความสามารถ และคุณค่าของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเราให้ความสำคัญกับตนเองมากขึ้น เรามักจะมีแรงจูงใจที่จะทำให้ตนเองดีขึ้น ทั้งในเรื่องการทำงาน...

About ครูออฟ 1472 Articles
https://www.kruaof.com