พระพุทธเจ้าทรงมีพระนามเดิมว่า เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ และพระนางสิริมหามายา แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ เจ้าชายสิทธัตถะประสูติเมื่อวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (วันวิสาขบูชา) ณ ใต้ต้นสาละ ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะ เมื่อพระชนมายุได้ ๗ วัน พระมารดาเสด็จสวรรคตเมื่อเจริญวัยได้ทรงศึกษาวิชาความรู้ต่าง ๆ จนแตกฉาน และเมื่อพระชนมายุได้๑๖ พรรษา ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธรา (พิมพา) มีพระโอรส พระนามว่าเจ้าชายราหุล
วันหนึ่งเจ้าชายสิทธัตถะ ได้เสด็จประพาสอุทยาน (สวน) นอกเมือง ได้ทอดพระเนตรเห็นสภาพความจริงของชีวิต ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ทรงเกิดความสลดพระทัย เข้าพระทัยความจริงของชีวิตว่ามีแต่ ความทุกข์ และทอดพระเนตรเห็นสมณะ (นักบวช) ซึ่งมีกิริยาสงบ ทรงเกิดความเลื่อมใส ในที่สุดทรงตัดสินพระทัย เสด็จออกผนวชเมื่อพระชนมายุ ๒๙ พรรษา เพื่อแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ และตรัสรู้ ธรรมที่ประเสริฐ คือ อริยสัจ ๔ ใน วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หลังจากที่ แสวงหาหนทางพ้นทุกข์นานถึง ๖ ปี และ ได้ทรงประกาศหลักธรรมของพระองค์ ให้ผู้อื่นได้รู้ตาม โดยทรงแสดงธรรมโปรดปัญจวัคคีย์เป็นกลุ่มแรกที่อิสิปตนมฤคทายวัน (อ่านว่า อิ-สิ-ปะ-ตะ-นะ-มะ- รึก-คะ-ทา-ยะ-วัน) ต่อจากนั้นคำสอนของพระองค์ก็แพร่หลายเป็นที่ยอมรับ ของคนทั่วไป