วูบโดยไม่รู้ตัว หลังมีอาการหน้ามืด เวียนหัว ตาลาย ภาวะนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจบอกโรคที่ซ่อนอยู่ในร่างกายเราได้ด้วย
โรควูบ หรืออาการหน้ามืดเป็นลมหมดสติอย่างกะทันหันเป็นภาวะที่ไม่ปกติของร่างกาย ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าอาการวูบส่วนมากเกิดจากภาวะอ่อนเพลีย ทั้งที่จริงแล้วอาการวูบ หน้ามืด เวียนศีรษะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุค่ะ และในบางเคสอาการวูบยังเป็นสัญญาณของโรคที่ซ่อนอยู่ในตัวเราด้วย ลองมาดูกันว่า อาการวูบ เวียนหัว ส่วนใหญ่เกิดจากอะไรได้บ้าง
อาการวูบ เกิดจากสาเหตุอะไร
1. ภาวะอ่อนเพลีย พักผ่อนน้อย
หากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ก็เป็นไปได้ที่เลือดจะไปเลี้ยงสมองส่วนควบคุมความรู้สึกลดลง ทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม และหมดสติอย่างกะทันหันได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นภาวะวูบจากอาการอ่อนเพลียอาจสัมพันธ์กับภาวะร่างกายขาดน้ำ ยืนตากแดดนาน ๆ หรือไม่ได้รับประทานอาหารจนส่งผลให้ความดันเลือดตกได้ และเกิดอาการวูบหมดสติตามมา
ทว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว อาการวูบในเคสนี้จะเป็นอยู่ไม่นาน หากได้นั่งพักสักระยะ ความดันเลือดก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หายจากอาการวูบได้เองในที่สุด
2. ไอแรง เบ่งปัสสาวะหรืออุจจาระแรง ๆ
การกดดันร่างกายด้วยการพยายามเบ่งปัสสาวะหรืออุจจาระ หรือแม้แต่การไออย่างรุนแรงก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ความดันเลือดตก เพราะร่างกายพยายามลดความกดดันด้วยการสั่งให้หัวใจเต้นช้าลงนั่นเอง ซึ่งภาวะวูบในเคสนี้อาจไม่ถึงกับหมดสติไปในทันที แต่อาจมีอาการวูบ หน้ามืด ตัวเย็น เหงื่อชื้น และหากอยู่นิ่ง ๆ สักระยะ อาการวูบก็จะหายไปได้เอง ความดันเลือดก็จะเข้าที่เข้าทาง
3. ความเครียด วิตกกังวล
ความเครียดและอาการวิตกกังวลก็เป็นสาเหตุของโรควูบได้ โดยเฉพาะคนที่ตกอยู่ในสภาวะเครียดหนัก ๆ หรือวิตกกังวลอยู่กับอะไรบางอย่างเป็นอย่างมาก ความดันเลือด ณ ขณะนั้นอาจแกว่งและลดระดับลงจนก่อให้เกิดอาการหน้ามืด วูบหมดสติได้ในบางราย ซึ่งเคสนี้จะพบได้บ่อยกับคนที่เจอเหตุการณ์รุนแรง หรือได้รับข่าวร้ายอย่างไม่ทันตั้งตัว
4. ระบบประสาทไวกว่าปกติ
ในบางคนที่มีภาวะระบบประสาทไวกว่าปกติ เมื่อเจอเข้ากับสิ่งเร้า เช่น อากาศร้อน ภาวะกดดัน ความกลัวอย่างรุนแรง หัวใจก็จะเต้นเร็วผิดปกติ ส่งผลให้เลือดสูบฉีดในร่างกายค่อนข้างมาก ซึ่งสมองก็จะพยายามควบคุมโดยสั่งการให้หัวใจเต้นช้าลง ความดันเลือดก็จะต่ำกว่าปกติ ส่งผลให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองแบบขาดตอน ก่อให้เกิดอาการหน้ามืด วูบหมดสติได้เช่นกัน
5. การรับประทานยาบางชนิด
ยาบางประเภทก็มีผลให้เกิดอาการวูบได้ด้วย อย่างยาลดความดันโลหิต หากกินมากเกินไป ความดันในร่างกายอาจตกได้ ก่อให้เกิดอาการวูบเมื่อเปลี่ยนท่า ยกตัวอย่างเช่น เมื่อนั่งนาน ๆ แล้วลุกขึ้นยืนอาจทำให้ความดันเลือดลดลง ก่อเป็นอาการวูบหมดสติได้ ซึ่งส่วนมากจะพบอาการนี้ในผู้สูงอายุมากกว่าวัยอื่น ๆ หรือผู้ป่วยที่กินยาทางระบบประสาท เช่น ยาคลายกังวล ยานอนหลับ และยาแก้ปวดบางชนิดที่มีส่วนผสมของฝิ่น ก็อาจมีอาการวูบบ่อย ๆ เช่นกัน
นอกจากนี้ในบางคนที่กินยาลดความอ้วน ที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะก็อาจมีอาการวูบ หมดสติ หรือบางรายอาการหนักถึงขั้นเสียชีวิตก็มีให้เห็นมาแล้ว ดังนั้นอย่ากินยาลดความอ้วนกันเลยดีกว่า อยากผอมก็ควรออกกำลังกายและคุมอาหารจะปลอดภัยที่สุด
6. ภาวะความดันต่ำ
ถ้ายังไม่สูงอายุ และมักจะวูบบ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเคลื่อนไหว อาจเป็นไปได้ว่าคุณกำลังมีภาวะความดันเลือดต่ำ ซึ่งเคสนี้จะเกิดอาการหน้ามืดบ่อย ๆ เมื่อขยับเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว เช่น นอนอยู่แล้วลุกขึ้นนั่งโดยทันที หันหน้าเร็ว ๆ อาการหน้ามืดจะถามหา หรือลุก-นั่งเร็ว ๆ ก็อาจวูบหมดสติได้เช่นกัน ดังนั้นหากพบว่าตัวเองมีอาการวูบบ่อย ๆ ให้ลองปรึกษาแพทย์ดู
7. โรคเบาหวาน
ในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่คุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี อาจเสี่ยงต่อภาวะวูบหมดสติได้ง่าย ทั้งจากสาเหตุระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือสาเหตุด้านภาวะขาดน้ำ จากอาการปัสสาวะบ่อยมาก
8. ภาวะโลหิตจาง
ภาวะโลหิตจางเนื่องจากขาดธาตุเหล็กค่อนข้างพบได้บ่อยในวัยสาว โดยเป็นภาวะที่ร่างกายขาดธาตุเหล็ก ทำให้ไม่สามารถสร้างฮีโมโกลบินได้เพียงพอ ซึ่งอาจเกิดจากการรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ ภาวะประจำเดือนมามาก หรือมีการเสียเลือดเรื้อรังจากสาเหตุอื่น ๆ ซึ่งหากพบว่าตัวเองมักจะหน้ามืดและวูบบ่อย ๆ ลองไปตรวจระดับฮีโมโกลบินในร่างกายบ้างก็น่าจะดี
9. ความผิดปกติของหัวใจ
เมื่อการทำงานของหัวใจผิดปกติไป แน่นอนว่าจะส่งผลไปถึงการสูบฉีดเลือดและระดับความดันโลหิต ก่อให้เกิดอาการวูบหมดสติบ่อย ๆ ในคนไข้กลุ่มนี้ได้ ซึ่งสาเหตุของอาการวูบที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจก็มีตั้งแต่โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง และโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ซึ่งจะมีผลให้การสูบฉีดเลือดไม่คล่องตัว เลือดก็จะไปเลี้ยงสมองไม่พอนั่นเอง
10. ความผิดปกติของสมอง
เช่น ภาวะหลอดเลือดสมองอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ หรืออาจเกิดจากโรคทางสมองอื่น ๆ เช่น โรคลมชัก หรือเกิดความผิดปกติของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทรงตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการวิงเวียนบ่อย ๆ ได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ อาการวูบยังอาจเกิดได้เพราะออกกำลังกายหนักเกินไป หรือการเสียน้ำ เสียเลือดออกจากร่ายกายมากเกินไป รวมทั้งคนที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก ๆ ก็มีโอกาสเกิดอาการวูบได้เช่นกัน
อาการวูบ อันตรายไหม
โดยทั่วไปแล้ว อาการวูบที่เกิดจากความอ่อนเพลีย พักผ่อนน้อย ความเครียด ไม่ได้อันตรายมากนัก หากนั่งพักสักครู่อาการก็จะดีขึ้น แต่ทว่าในบางครั้งอาการวูบอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น เกิดวูบขณะกำลังขับรถ หรืออยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตราย เช่น กำลังข้ามถนน เดินอยู่ริมแม่น้ำ แม้กระทั่งการวูบล้มลงไปจนศีรษะกระแทกพื้น ตกจากที่สูง ก็ทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ ดังนั้นอาการนี้จึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ หากเป็นบ่อยควรไปตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงจะดีที่สุด