วันหนึ่งเจ้าชายสิทธัตถะได้เสด็จออกไปนอกเมือง และได้ทอดพระเนตรเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย ก็เกิดความสลดพระทัยและคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นทุกข์ ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเห็นนักบวชรูปหนึ่ง ซึ่งมีกิริยาสงบ เรียบร้อย ทรงเกิดความเลื่อมใส จึงทรงตัดสินพระทัย ออกผนวช (ผะ-หนวด หมายถึง บวช) เพื่อแสวงหาหนทางพ้นทุกข์
เจ้าชายสิทธัตถะต้องตัดสินพระทัยจากพระนางยโสธรา และพระโอรสที่ทรงรักยิ่ง เพื่อเสด็จออกผนวช เมื่อถึงใกล้ฝั่งแม่น้ำอโนมาจึงทรงผนวช
หลังจากทรงผนวชแล้วพระองค์แสวงหาหนทางแห่งการพ้นทุกข์ โดยการทรมาน (ทอ-ระ-มาน) ร่างกายจนซูบผอม แต่ก็ไม่พบทางแห่งการพ้นทุกข์ จึงทรงเปลี่ยนวิธีเป็นการบำเพ็ญเพียรทางจิต
โดยการนั่งสมาธิให้จิตใจสงบ เมื่อพระชนมายุครบ ๓๕ พรรษา ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ จึงได้ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนนั้น
เมื่อตรัสรู้แล้ว พระองค์ได้เสด็จไปที่อิสิปตนมฤคทายวัน (อิ-สิ-ปะ-ตะ-นะ-มะ-รึก-คะ-ทา-ยะ-วัน) เพื่อแสดงธรรมครั้งแรกให้แก่ปัญจวัคคีย์ (ปัน-จะ-วัก-คี) โกณฑัญญะ (โกน-ทัน-ยะ) หนึ่งในปัญจวัคคีย์ได้ขออุปสมบท (อุ-ปะ-สม-บด หมายถึง บวช) เป็นพระภิกษุ ในวันนี้จึงมีพระรัตนตรัยครบ ๓ ประการ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์