สามเณรสังกิจจะ
สามเณรสังกิจจะ เป็นบุตรของลูกสาวเศรษฐี ขณะมารดาท้องแก่ได้เสียชีวิตลง ญาติจึงนำศพไปให้สัปเหร่อจัดการเผาที่ป่าช้า โดยไม่รู้ว่าเด็กในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่ ขณะเผาศพสัปเหร่อได้เอาตะขอพลิกศพไปมาเพื่อให้ไฟไหม้ทั่วถึง จนตะขอไปเกี่ยวถูกหางตาเด็ก ทำให้ได้ยินเสียงเด็กร้อง สัปเหร่อจึงรีบนำเด็กขึ้นมาด้วยความอัศจรรย์ใจที่ยังมีชีวิตอยู่และได้นำกลับไปมอบให้ญาติเลี้ยงดูโดยตั้งชื่อว่า สังกิจจะ แปลว่า เกี่ยว (เพราะหางตาถูกตะขอเกี่ยว) เมื่อ อายุ ๗ ขวบสังกิจจะได้ขออนุญาตพ่อเลี้ยงบรรพชาเป็นสามเณรในสำนักของพระสารีบุตร
สังกิจจะเป็นผู้มีบุญสะสมมาแต่ชาติปางก่อน เมื่อรับการบรรพชา (อ่านว่า บัน-พะ-ชา หมายถึง การบวชเป็นสามเณร) จากพระอุปัชฌาย์ (อ่านว่า พระ-อุ-ปัด-ชา หมายถึง พระผู้เป็นประธานการบวช) และบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในขณะปลงผม
เหตุการณ์ที่สำคัญคราวหนึ่ง มีพระสงฆ์บวชใหม่ประมาณ ๓๐ รูป ศึกษาธรรมะในสำนักของพระพุทธเจ้า
และเมื่อมีความรู้พอสมควรแล้วต้องการที่จะปฏิบัติธรรมในป่าเพื่อแสวงหาความสงบ จึงพร้อมใจกันไปทูลลาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงทราบว่าจะเกิดเหตุร้ายแก่พระสงฆ์เหล่านี้ จึงรับสั่งให้พระสงฆ์ไปลาพระสารีบุตรก่อน
พระสารีบุตรทราบพระประสงค์ของพระพุทธเจ้า จึงให้สามเณรสังกิจจะเดินทางไปด้วยพระสงฆ์เกรงว่าสามเณรจะเป็นภาระทำให้ไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้พระสารีบุตรจึงกล่าวว่า “สามเณรสังกิจจะจะไม่เป็นภาระของพวกท่านทั้งหลายพระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องนี้จึงส่งพวกท่านมาลาเรา” พระสงฆ์จึงจำเป็นต้องพาสามเณรสังกิจจะไปด้วย เมื่ออำลาพระสารีบุตรแล้วทั้งหมดจึงออกเดินทาง
เมื่อเดินทางไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านมีความเลื่อมใสศรัทธาจึงนิมนต์ให้พระสงฆ์อยู่จำพรรษา พร้อมรับปากจะพากันอุปถัมภ์บำรุงตลอดพรรษา พระสงฆ์เหล่านั้นจึงรับนิมนต์
ในวันเข้าพรรษา พระสงฆ์ได้ตั้งกติกากันไว้ว่า จะไม่อยู่รวมกลุ่มกันจะแยกกันไปปฏิบัติธรรมยกเว้นเวลาบิณฑบาต (อ่านว่า บิน-ทะ-บาด) ถ้าพระสงฆ์รูปใดเจ็บป่วยให้ตีระฆังบอกเพื่อจะได้มาช่วยเหลือกัน
วันหนึ่ง มีชายคนหนึ่งต้องการจะเดินทางไปหาลูกสาวที่ต่างเมือง ขณะเดินผ่านมาถึงหมู่บ้านนั้นด้วยอาการอิดโรย ซึ่งเป็นเวลาที่พระสงฆ์ได้กลับมาจากบิณฑบาตเมื่อพบชายผู้นั้นจึงได้สอบถาม เมื่อทราบเรื่องแล้วเกิดความสงสารจึงแบ่งอาหารให้หลังรับประทานอาหารอิ่มแล้วชายยากไร้ก็สอบถามพระสงฆ์ว่า “มีกิจนิมนต์หรือไร พระคุณเจ้าจึงได้อาหารมากมายขนาดนี้” พระสงฆ์ตอบว่า “ไม่มีหรอกโยม เป็นเรื่องปกติของที่นี่” ชายยากไร้คิดว่า “เราทำงานแทบตายก็ไม่ได้กินอาหารดีเช่นนี้จะไปอยู่ทำไมที่อื่น ขออาศัยอยู่กับพระสงฆ์เหล่านี้ สบายดีกว่า” คิดได้ดังนั้นจึงขออาศัยอยู่และคอยอุปัฏฐาก (อ่านว่า อุ-ปัด-ถาก หมายถึง ดูแลรับใช้) พวกพระสงฆ์ก็อนุญาต
เมื่อเวลาผ่านไป ชายยากไร้คิดถึงลูกสาวจึงแอบหนีไปโดยไม่บอกกล่าว เพราะเกรงว่าพระสงฆ์จะไม่อนุญาต
ชายยากไร้เดินเข้าไปในป่าที่มีโจร ๕๐๐ คนอยู่ ในขณะนั้นโจรได้เตรียมบนบานเทวดาว่าจะถวายพลีกรรม (อ่านว่า พะ-ลี-กำ หมายถึง การบูชา พิธีบูชา) เมื่อชายยากไร้เดินมาถึง ก็ถูกโจรจับตัวไว้ เขาตกใจกลัวตายจึงได้ร้องขอชีวิตและต่อรองว่า “ควรจับพระภิกษุมาทำพลีกรรมจะดีกว่าเพราะเป็นผู้ทรงศีล เทวดาท่านจึงจะชอบ” โจรทั้งหมดเห็นด้วยจึงบอกให้ชายยากไร้นำทางไปหาพระสงฆ์ เมื่อไปถึงเขาได้ตีระฆัง พระสงฆ์จึงมารวมกันเพราะเข้าใจว่า มีพระสงฆ์อาพาธ (ป่วย) หัวหน้าโจรจึงบอกว่าจะนำตัวพระสงฆ์รูปหนึ่งไปทำพลีกรรม พระสังฆเถระจึงขอสละชีวิต พระสงฆ์ที่เหลือไม่ยอมให้พระสังฆเถระไป ต่างยอมสละชีวิตของตนเองแทน
สามเณรสังกิจจะจึงขออาสาไปเอง พระสงฆ์ต่างไม่ยอม สามเณรสังกิจจะจึงให้เหตุผลว่า ที่พระพุทธเจ้าและพระสารีบุตรให้ตนเดินทางมาด้วยนั้น เพราะรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ สามเณรสังกิจจะจึงเดินทางไปพร้อมกับโจร โดยมีพระสงฆ์ทั้งหมดมองตามด้วยความโศกเศร้า
ขณะที่หัวหน้าโจรกำลังทำพิธีอยู่นั้น สามเณรสังกิจจะได้นั่งสมาธิ แผ่เมตตาจิตไปยังหัวหน้าโจร เมื่อหัวหน้าโจรยกดาบฟันลงที่คอสามเณร ดาบได้งอพับเข้าหากัน หัวหน้าโจรจึงดัดดาบใหม่ให้ตรงแล้วฟันซ้ำ ดาบก็งอเหมือนเดิมอีก จึงเปลี่ยนดาบและทดลองอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรสามเณรได้ หัวหน้าโจรสำนึกผิด จึงกลับใจและขอบวชพร้อมด้วยบริวาร สามเณรสังกิจจะได้พาโจรทั้งหมดไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าได้อุปสมบทให้ และทรงแสดงธรรมให้ฟังพระสงฆ์เหล่านั้นได้ปฏิบัติธรรมจนกระทั่งบรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด
สรุป คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง เป็นผู้มีความเสียสละเพื่อ ส่วนรวม ปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัยและมีจิตเมตตารู้จักให้อภัยผู้อื่น
Leave a Reply