มหาวาณิชชาดก (โลภมากจนตัวตาย)
ในอดีตมีพ่อค้ากลุ่มหนึ่งได้เดินทางไปค้าขายต่างเมือง ระหว่างที่เดินผ่านทะเลทรายอันแห้งแล้ง เสบียงอาหารและน้ำที่มีอยู่ค่อย ๆ หมดไป พวกพ่อค้ารู้สึกหมดอาลัยและคิดว่าพวกตนคงจะต้องอดน้ำและอาหารตายกลางทะเลทรายเป็นแน่
แต่เป็นโชคดีของพวกพ่อค้าเพราะกลางทะเลทรายมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง มีกิ่งก้านให้ร่มเงา พวกพ่อค้าต่างพากันอาศัยพักพิงใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่นั้น มีพ่อค้าคนหนึ่งมองเห็นน้ำซึมออกมาจากกิ่งทางด้านทิศตะวันออก จึงลองตัดปลายกิ่งออก ทันใดนั้น สายน้ำเย็นสะอาดก็ไหลออกมามากมาย
พวกพ่อค้าต่างรู้สึกดีใจพากันดื่มน้ำดับกระหายจากต้นไม้วิเศษนั้นพ่อค้าอีกคนเห็นกิ่งไม้ด้านทิศใต้มีกลิ่นหอม น่ารับประทาน จึงตัดกิ่งไม้นั้นปรากฏว่ามีอาหารและผลไม้หล่นออกมามากมาย
พวกพ่อค้าต่างดีใจและเก็บผลไม้มารับประทาน ทุกคนจึงรอดตายจากความอดอยาก เมื่อตัดกิ่งทางทิศตะวันตก ปรากฏหญิงสาวออกมาฟ้อนรำขับกล่อมเมื่อตัดกิ่งทางทิศเหนือ ปรากฏว่ามีเพชรนิลจินดาหลั่งไหลออกมา
แต่มีพ่อค้าคนหนึ่งเกิดความโลภและคิดว่า “ต้นไม้วิเศษต้นนี้ขนาดเราแค่ตัดกิ่งไม้ ยังได้น้ำและอาหารถึงขนาดนี้ นี่ถ้าโค่นลงมาทั้งต้นคงได้ของดีมหัศจรรย์มากมายกว่านี้เป็นแน่” คิดได้ดังนั้นจึงบอกแก่พ่อค้าคนอื่น ทุกคนต่างพากันเห็นด้วย ยกเว้นหัวหน้าพ่อค้าผู้มีสติปัญญาที่ห้ามปรามและขอร้องไม่ให้ทำลายต้นไม้ แต่ถึงห้ามอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อฟัง ต่างพากันเอาขวานมาตัดต้นไม้ใหญ่นั้นจนล้มลง
ทันทีที่ต้นไม้ใหญ่วิเศษโค่นล้มลงได้เกิดแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและมีพญานาคขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ดวงตาแดงฉานดังเปลวเพลิงจ้องมองบรรดาพ่อค้าเหล่านั้นด้วยความโกรธ พร้อมทั้งกล่าวว่า “เจ้าพ่อค้าอกตัญญูข้าให้น้ำ ให้อาหาร ให้นารี และทรัพย์สมบัติแก่พวกเจ้าแต่เจ้ากลับไม่สำนึกในบุญคุณและยังมาตัดต้นไม้อีก เราจะสังหารเจ้าทั้งหมด ยกเว้นคนที่เป็นหัวหน้า ซึ่งรู้บุญคุณคนเดียวเท่านั้น”
บรรดาพ่อค้าพากันตกใจจนก้าวขาไม่ออก พญานาคได้พ่นไฟฆ่าพ่อค้าเหล่านั้น จนร่างกายไหม้เกรียม ส่วนสมบัติทั้งหมดพญานาคได้มอบให้หัวหน้าพ่อค้า และได้นำทางหัวหน้าพ่อค้าไปส่งถึงเมืองพาราณสี
ชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้มีความโลภมาก มักลาภหาย ชีวิตตายเพราะความโลภ เปรียบกับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติต่าง ๆ มีคุณต่อเรา ถ้าเราทำลายหรือไม่รู้จักใช้ให้เหมาะสมก็จะส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายต่อมนุษย์เราเอง
Leave a Reply