ส่วนประกอบพื้นฐานของโปรแกรม Scratch และการตรวจสอบเวอร์ชั่น

ส่งต่อให้เพื่อนอ่าน :

การพัฒนาโปรแกรม Scratch: การแนะนำเบื้องต้น

โปรแกรม Scratch เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อสอนพื้นฐานการเขียนโปรแกรมให้กับเด็กๆ และผู้เริ่มต้น โปรแกรมนี้ถูกพัฒนาโดย MIT Media Lab เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์โปรเจกต์โดยใช้บล็อกคำสั่งที่มีสีสันและสามารถลากแล้ววางได้ง่าย

การเปลี่ยนแปลงตามเวอร์ชั่นของโปรแกรม Scratch

โปรแกรม Scratch มีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยมีเวอร์ชั่นที่หลากหลายตั้งแต่ Scratch 1.0 จนถึงเวอร์ชั่นล่าสุด การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละเวอร์ชั่นมักจะเน้นการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

Scratch 1.0

เวอร์ชั่นแรกของโปรแกรม Scratch ถูกเปิดตัวในปี 2007 ฟีเจอร์หลักของเวอร์ชั่นนี้ได้แก่การใช้บล็อกคำสั่งที่สามารถลากและวางได้ ทำให้เด็กๆ สามารถเรียนรู้การเขียนโปรแกรมพื้นฐานได้ง่าย

Scratch 2.0

ในปี 2013, Scratch 2.0 ถูกเปิดตัว โดยมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น การสร้างบล็อกคำสั่งเอง การเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์ภายนอก และการอัพโหลดโปรเจกต์ขึ้นเว็บไซต์ Scratch เพื่อแชร์กับชุมชน Scratch ทั่วโลก

Scratch 3.0

ในปี 2019, Scratch 3.0 ถูกเปิดตัวโดยมีการปรับปรุงหน้าอินเทอร์เฟซให้ใช้งานง่ายขึ้น และรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น การเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์มากมาย และการสนับสนุนการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาต่างๆ

การตรวจสอบเวอร์ชั่นของโปรแกรม Scratch

เพื่อให้ทราบว่าเรากำลังใช้เวอร์ชั่นใดของโปรแกรม Scratch สามารถทำได้โดยการคลิกที่เมนู Scratch ที่อยู่มุมซ้ายมือบนของหน้าจอ เมื่อคลิกแล้วจะปรากฏหน้าต่างที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเวอร์ชั่นของโปรแกรมที่เรากำลังใช้งานอยู่

ฟีเจอร์และส่วนประกอบของโปรแกรม Scratch

อินเทอร์เฟซของ Scratch

หน้าอินเทอร์เฟซของ Scratch แบ่งออกเป็นหลายส่วนหลักๆ ซึ่งได้แก่:

  1. Stage: พื้นที่ที่ใช้แสดงผลของโปรเจกต์ที่เราสร้างขึ้น
  2. Sprite List: รายการของตัวละครหรือวัตถุที่ใช้ในโปรเจกต์
  3. Blocks Palette: ชุดของบล็อกคำสั่งที่สามารถลากแล้ววางลงในพื้นที่การเขียนโปรแกรม
  4. Script Area: พื้นที่ที่ใช้สำหรับการวางบล็อกคำสั่งเพื่อสร้างโปรเจกต์

การใช้บล็อกคำสั่ง

บล็อกคำสั่งของ Scratch ถูกจัดกลุ่มตามหมวดหมู่ต่างๆ เช่น การเคลื่อนไหว การควบคุม การตรวจจับ และการปากกา บล็อกคำสั่งเหล่านี้สามารถลากแล้ววางลงใน Script Area เพื่อสร้างชุดคำสั่งที่ต้องการได้

การสร้างโปรเจกต์ใน Scratch

การสร้างโปรเจกต์ใน Scratch เริ่มต้นจากการเลือกตัวละครหรือวัตถุ จากนั้นใช้บล็อกคำสั่งในการกำหนดพฤติกรรมของตัวละครหรือวัตถุ เมื่อสร้างเสร็จแล้วสามารถทดลองเล่นโปรเจกต์เพื่อดูผลลัพธ์ที่ได้

การแชร์โปรเจกต์กับชุมชน Scratch

หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Scratch คือการที่สามารถแชร์โปรเจกต์ที่สร้างขึ้นกับชุมชน Scratch ได้ทั่วโลก การแชร์โปรเจกต์ช่วยให้เด็กๆ ได้รับความคิดเห็นและคำแนะนำจากผู้ใช้คนอื่นๆ และสามารถปรับปรุงโปรเจกต์ให้ดียิ่งขึ้น

การใช้ Scratch ในการเรียนการสอน

โปรแกรม Scratch ถูกนำมาใช้ในโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ ทั่วโลก เพื่อสอนพื้นฐานการเขียนโปรแกรมและการคิดเชิงคำนวณ การเรียนรู้การใช้ Scratch ช่วยเสริมสร้างทักษะในการแก้ไขปัญหาและการคิดสร้างสรรค์

บทสรุป

โปรแกรม Scratch เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการสอนพื้นฐานการเขียนโปรแกรมและการสร้างสรรค์โปรเจกต์ โดยมีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในแต่ละเวอร์ชั่น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ได้ง่ายและสนุกยิ่งขึ้น การตรวจสอบเวอร์ชั่นของโปรแกรม Scratch ที่ใช้งานอยู่สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิกดูที่เมนู Scratch ที่อยู่มุมซ้ายมือบนของหน้าจอ ซึ่งเมื่อคลิกจะปรากฏหน้าต่างแสดงเวอร์ชั่นของโปรแกรม

ส่งต่อให้เพื่อนอ่าน :

แนวทางสร้างรายได้ด้วย Google AdSense จาก www.kruaof.com

1. เพิ่มบทความที่ตอบโจทย์การค้นหา เน้นบทความที่เกี่ยวข้องกับ "การสอนเทคโนโลยี", "เทคนิคการสอน", "การใช้สื่อดิจิทัล", และ "แผนการจัดการเรียนรู้" ใช้คำค้น (Keyword) ที่คนครูหรือผู้สนใจด้านการศึกษา ค้นหาบ่อย เช่น: ตัวอย่างแผนการสอน การใช้ Canva/PowerPoint ทำสื่อการสอน วิธีออกแบบ Infographic ใช้เครื่องมือเช่น Google Trends, Ubersuggest หรือ AnswerThePublic เพื่อหาไอเดียและคำค้นที่เหมาะสม 2....

วิธีการปกป้องข้อมูลส่วนตัว

การปกป้องข้อมูลส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญที่เราทุกคนต้องเรียนรู้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ไม่หวังดีนำข้อมูลของเราไปใช้ในทางที่ไม่ดี เรามีวิธีหลายอย่างในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเรา วิธีการปกป้องข้อมูลส่วนตัว: ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า: ไม่บอกชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ให้กับคนที่เราไม่รู้จัก ไม่นัดเจอคนที่เราคุยด้วยทางอินเทอร์เน็ต หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง ระมัดระวังในการพูดคุยกับคนแปลกหน้าในเกมออนไลน์ หรือแอปพลิเคชันต่างๆ สร้างรหัสผ่านที่ปลอดภัย: ใช้รหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก โดยใช้ตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกัน ไม่ใช้รหัสผ่านเดียวกันในหลายบัญชี เก็บรักษารหัสผ่านเป็นความลับ ไม่บอกให้ใครรู้ ระมัดระวังในการใช้งานอินเทอร์เน็ต: ไม่คลิกลิงก์ หรือเปิดไฟล์แนบจากอีเมล หรือข้อความที่ไม่รู้จัก ไม่ดาวน์โหลดโปรแกรม หรือแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในโซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชันต่างๆ บอกผู้ปกครองหรือคุณครู เมื่อเจอสิ่งผิดปกติ: หากมีคนแปลกหน้าทักมา หรือขอข้อมูลส่วนตัวของเรา หากเจอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม หรือน่ากลัวบนอินเทอร์เน็ต หากถูกกลั่นแกล้ง...

ทำไมเราต้องปกป้องข้อมูลส่วนตัว?

ข้อมูลส่วนตัวของเรานั้นสำคัญมาก เหมือนกับกุญแจที่ใช้เปิดบ้าน ถ้ามีคนที่ไม่หวังดีได้กุญแจไป เขาอาจจะเข้ามาในบ้านของเราและทำสิ่งที่ไม่ดีได้ ข้อมูลส่วนตัวก็เช่นกัน ถ้าคนที่ไม่หวังดีได้ข้อมูลส่วนตัวของเราไป เขาอาจจะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี ทำให้เราเดือดร้อนได้ เหตุผลที่เราต้องปกป้องข้อมูลส่วนตัว: ป้องกันการถูกแอบอ้าง: คนที่ไม่หวังดีอาจนำข้อมูลส่วนตัวของเราไปใช้แอบอ้างเป็นตัวเรา เช่น สมัครบัญชีออนไลน์ หรือทำธุรกรรมต่างๆ ในชื่อของเรา ทำให้เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ ป้องกันการถูกหลอกลวง: คนที่ไม่หวังดีอาจใช้ข้อมูลส่วนตัวของเราในการหลอกลวง เช่น ส่งอีเมลหรือข้อความหลอกลวงให้เราโอนเงิน หรือให้ข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติม ป้องกันการถูกกลั่นแกล้ง: คนที่ไม่หวังดีอาจใช้ข้อมูลส่วนตัวของเราในการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ เช่น เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเราให้คนอื่นรู้ หรือใช้ข้อมูลส่วนตัวของเราในการสร้างข่าวลือที่ไม่ดี ป้องกันการถูกขโมยข้อมูล: คนที่ไม่หวังดีอาจขโมยข้อมูลส่วนตัวของเราไปขาย หรือนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ป้องกันอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน: ข้อมูลส่วนตัวบางอย่างเช่น...

ข้อมูลส่วนตัวคืออะไร?

ข้อมูลส่วนตัว คือ ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของเราได้ ข้อมูลเหล่านี้สำคัญมาก เพราะหากมีคนรู้ข้อมูลส่วนตัวของเรา อาจนำไปใช้ในทางที่ไม่ดีได้ ตัวอย่างข้อมูลส่วนตัว: ชื่อ-นามสกุล: ชื่อจริงและนามสกุลของเรา ที่อยู่: บ้านเลขที่ ถนน ตำบล อำเภอ จังหวัด รหัสไปรษณีย์ เบอร์โทรศัพท์: เบอร์โทรศัพท์บ้านหรือเบอร์โทรศัพท์มือถือของเรา วันเดือนปีเกิด: วัน เดือน และปีที่เราเกิด รูปภาพ: รูปถ่ายของเรา ข้อมูลโรงเรียน: ชื่อโรงเรียน ชั้นเรียน...

About ครูออฟ 1712 Articles
https://www.kruaof.com