การเลือกปัญหาการวิจัยเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะกำหนดทิศทางและความสำเร็จของงานวิจัย โดยผู้วิจัยควรพิจารณาจากแหล่งที่มาของปัญหาการวิจัยและหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อให้การวิจัยมีคุณภาพและตอบโจทย์ที่ต้องการได้อย่างแท้จริง
1. แหล่งที่มาของปัญหาการวิจัย
การเลือกปัญหาการวิจัยควรพิจารณาจากแหล่งที่มาของปัญหาต่าง ๆ ดังนี้:
- ปัญหาใกล้ตัว: ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันหรือในสภาพแวดล้อมที่ผู้วิจัยคุ้นเคย เช่น ปัญหาในที่ทำงานหรือในชุมชนที่อยู่อาศัย
- ปัญหาของคนอื่น: ปัญหาที่พบเจอหรือรับทราบจากผู้อื่น เช่น เพื่อนร่วมงาน, นักศึกษา หรือบุคคลทั่วไป
- ปัญหาของสถาบันหรือองค์กร: ปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กรหรือสถาบันที่ผู้วิจัยสังกัด เช่น ปัญหาด้านการจัดการ, การบริหารงาน หรือกระบวนการทำงาน
- ปัญหาของชุมชน: ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน เช่น ปัญหาสุขภาพ, ปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือปัญหาสังคม
- ปัญหาระดับชาติ: ปัญหาที่มีผลกระทบต่อประเทศ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ, การศึกษา, หรือการพัฒนา
- ปัญหาจากข้อเสนอแนะในรายงานการวิจัย: ข้อเสนอแนะจากงานวิจัยที่เคยทำมาแล้ว ซึ่งระบุถึงประเด็นหรือคำถามที่ยังไม่ได้รับการศึกษาเพิ่มเติม
- ปัญหาที่ผู้วิจัยสนใจ: ปัญหาที่ตรงกับความสนใจและความเชี่ยวชาญของผู้วิจัย ซึ่งจะช่วยให้มีแรงจูงใจและความมุ่งมั่นในการวิจัย
2. หลักเกณฑ์ในการเลือกปัญหาการวิจัย
ในการเลือกปัญหาการวิจัย ควรพิจารณาจากหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้:
- ความสำคัญของปัญหา: ปัญหาที่เลือกควรมีความสำคัญและมีผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มเป้าหมายหรือสังคม
- ความสนใจของผู้วิจัย: ปัญหาที่ตรงกับความสนใจส่วนตัวของผู้วิจัยจะช่วยให้การดำเนินการวิจัยเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเต็มที่
- ความสามารถของผู้วิจัย: ควรเลือกปัญหาที่ตรงกับความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของผู้วิจัย เพื่อให้สามารถทำวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปัญหาใหม่: ควรพิจารณาปัญหาที่เป็นเรื่องใหม่หรือยังไม่มีการศึกษามาก่อน เพื่อให้ผลการวิจัยมีความน่าสนใจและมีคุณค่า
- กำหนดเวลาของงานวิจัย: ควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการทำวิจัยให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด
- งบประมาณ: ควรพิจารณางบประมาณที่มีอยู่และความเหมาะสมในการใช้ทรัพยากรในการวิจัย
- ความร่วมมือในการให้ข้อมูล: ควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการได้รับความร่วมมือจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง
การเลือกปัญหาการวิจัยโดยพิจารณาจากแหล่งที่มาและหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การวิจัยมีความชัดเจน เป็นระบบ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในทางปฏิบัติ.