29. การทำงานกับเสียง

ส่งต่อให้เพื่อนอ่าน :

การดูตัวอย่างไฟล์เสียง

  1. คลิกเลือกไฟล์เสียง
  2. คลิก Play/Pause เสียงจะเริ่มต้นการเล่น / หยุดชั่วคราว

51n

การย้ายไฟล์เสียง

คลิกและลากเพื่อย้ายไฟล์เสียงไปยังตำแหน่งใหม่บนสไลด์ตามที่ต้องการ

51o

การลบไฟล์เสียง

เลือกไฟล์เสียงที่ต้องการลบแล้วกด Backspace  หรือ Delete บนแป้นพิมพ์

 

การปรับแต่งการเล่นเสียง

432022s1vheyatjs

หลังเพิ่มไฟล์เสียงลงบนสไลด์แล้ว สามารถปรับแต่งการทำงานเพิ่มเติมได้ เช่น ให้ซ่อนรูปลำโพงในช่วงที่นำเสนอ ให้เล่นไฟล์เสียงทันทีเมื่อแสดงสไลด์ กำหนดให้เล่นสียงวนซ้ำ เป็นต้น โดยคลิกที่รูปลำโพงในสไลด์ จะปรากฏแถบเครื่องมือ Audio Tools สำหรับปรับแต่งการเล่นไฟล์เสียง

การตัดเสียง

  1. เลือกไฟล์เสียงที่ต้องการ > คลิก Playback (การเล่น) บนแท็บ Ribbon

51p

2. คลิกที่คำสั่ง  Trim Audio (ตัดแต่งเสียง)

51q

3. ปรากฏกล่องโต้ตอบ สามารถใช้ green handle เพื่อกำหนดเวลาเริ่มต้นและ red handle เพื่อกำหนดเวลาสิ้นสุด

51r

4. ดูตัวอย่างไฟล์เสียงคลิกปุ่ม 51k

51s

5. ปรับแต่งอีกครั้งถ้าจำเป็นแล้ว คลิกOK

 

การใช้  Fade Duration

Fade Duration คือ การกำหนดระดับเสียง ก่อนการเล่นเสียง และ/หรือก่อนจบการเล่นเสียง

  • Fade in ระดับเสียงตอนเริ่มเล่น)
  • Fade out ระดับเสียงตอนจบ

51t

               ตัวเลือกในการเล่นเสียง

51u

  • Volume (ระดับเสียง): ปรับเปลี่ยนระดับเสียง
  • Start (เริ่มต้น): ควบคุมการ เริ่มต้น เล่นไฟล์เสียง โดย เล่นเมื่อคลิกเมาส์ หรือเล่นอัตโนมัติ
  • Play Across Slides (เล่นในสไลด์ทั้งหมด): เล่นเสียง ในภาพนิ่งทั้งหมดของสไลด์
  • Loop until Stopped (วนรอบจนกว่าจะสั่งหยุด): เล่นเสียง วนซ้ำจนกว่าจะสั่งหยุด
  • Hide During Show (ซ่อนระหว่างการนำเสนอ): ซ่อนไอคอนเสียง ขณะที่กำลังนำเสนอสไลด์
  • Rewind after Playing (กรอ กลับหลังจากเล่นแล้ว): กรอ กลับเล่นเสียงเริ่มต้นใหม่ เมื่อเล่นเสียงเสร็จแล้ว

การเปลี่ยน ไอคอน เสียง

ค่าเริ่มต้นไฟล์เสียงจะปรากฏเป็นไอคอนลำโพง 51v   ในภาพนิ่ง หากต้องการเปลี่ยนไอคอนให้สวยงาม มีวิธีการดังนี้

  1. คลิก ไอคอนเสียง   51v    จะปรากฏแท็บ Format ขึ้นมา
  2. คลิก        a74

51w

3. จะปรากฏกล่องโต้ตอบ เพื่อให้เลือกไฟล์ จากคอมพิวเตอร์ หรือ ค้นหารูปภาพออนไลน์

51x

4. เลือก รูปภาพที่ต้องการ > คลิก INSERT (แทรก)

51y

5. ไอคอนจะเปลี่ยนเป็นภาพใหม่ที่เลือก

51z

 

ส่งต่อให้เพื่อนอ่าน :

แนวคิดเชิงนามธรรม: แกะเปลือกปัญหาเพื่อเข้าถึงแก่นแท้

แนวคิดเชิงนามธรรมเป็นมากกว่าการประเมินความสำคัญของปัญหา มันเป็นกระบวนการที่ช่วยให้เรา มองข้ามรายละเอียดปลีกย่อย เพื่อ เห็นภาพรวม หรือ แก่นแท้ ของปัญหาอย่างชัดเจนขึ้น ลองเปรียบเทียบกับการปอกผลไม้: เปลือกผลไม้: แทน รายละเอียดปลีกย่อย หรือข้อมูลที่ไม่จำเป็นต่อการแก้ปัญหา เนื้อผลไม้: คือ แก่นแท้ของปัญหา หรือข้อมูลที่สำคัญที่เราต้องการนำมาใช้ในการวิเคราะห์และแก้ไข ทำไมแนวคิดเชิงนามธรรมจึงสำคัญ? ช่วยให้เข้าใจปัญหาได้ง่ายขึ้น: เมื่อเราตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไป จะทำให้เราเห็นภาพรวมของปัญหาได้ชัดเจนขึ้น และเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาได้ง่ายขึ้น ช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ: เมื่อเราเข้าใจแก่นแท้ของปัญหาแล้ว ก็จะสามารถเลือกวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมได้อย่างตรงจุด และประหยัดเวลาและทรัพยากรมากขึ้น ช่วยให้สื่อสารปัญหาได้อย่างชัดเจน:...

การใช้สื่อหรือแหล่งข้อมูลตามข้อตกลงการใช้: เข้าใจและปฏิบัติตามสัญญา Creative Commons

สัญญา Creative Commons (CC) เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานสามารถกำหนดเงื่อนไขการใช้งานผลงานของตนได้อย่างชัดเจน โดยอนุญาตให้ผู้อื่นนำผลงานไปใช้ต่อได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสัญญา CC ทำไมต้องเข้าใจสัญญา Creative Commons? หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์: การใช้สื่อหรือแหล่งข้อมูลโดยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ อาจถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ให้เครดิตผู้สร้าง: การให้เครดิตผู้สร้างตามที่กำหนดไว้ในสัญญา CC เป็นการแสดงความเคารพต่อผู้สร้างสรรค์ผลงาน ส่งเสริมการแบ่งปันความรู้: การใช้สื่อหรือแหล่งข้อมูลที่ได้รับอนุญาตภายใต้สัญญา CC ช่วยให้เกิดการเผยแพร่ความรู้และข้อมูลได้อย่างกว้างขวาง ประเภทของสัญญา Creative Commons สัญญา...

ผลกระทบ แนวทางป้องกัน และวิธีการแก้ปัญหาในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย

เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราอย่างแยกไม่ออก การใช้งานอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ นำมาซึ่งความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการทำงานและการสื่อสาร แต่ในขณะเดียวกันก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบในด้านลบหากเราไม่ระมัดระวังในการใช้งาน ผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ไม่ปลอดภัย การถูกขโมยข้อมูลส่วนตัว: เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลส่วนบุคคล อาจนำไปสู่การถูกหลอกลวงหรือการใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด การถูกแฮ็ก: ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจเข้าควบคุมอุปกรณ์ของเราเพื่อขโมยข้อมูลหรือทำลายระบบ การถูกคุกคามทางออนไลน์: เช่น การถูกกลั่นแกล้ง การถูกคุกคาม หรือการถูกข่มขู่ การติดไวรัส: โปรแกรมที่เป็นอันตรายอาจเข้ามาทำลายระบบคอมพิวเตอร์หรือขโมยข้อมูล การเสพติดอินเทอร์เน็ต: การใช้เวลากับอุปกรณ์ดิจิทัลมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจ แนวทางป้องกัน สร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง: ใช้รหัสผ่านที่ประกอบด้วยตัวอักษรตัวใหญ่ ตัวเล็ก...

วิธีการป้องกันความเป็นส่วนตัวและข้อมูลของตนเองในยุคดิจิทัล

ในยุคที่ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญและมีมูลค่าสูง การรักษาความเป็นส่วนตัวและปกป้องข้อมูลของตนเองจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อไปนี้คือวิธีการป้องกันที่คุณสามารถทำได้: การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนโซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชัน จำกัดการเข้าถึงข้อมูล: ปรับตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้แคบลง ใครบ้างที่สามารถเห็นโพสต์ รูปภาพ หรือข้อมูลส่วนตัวของคุณ ตรวจสอบแอปพลิเคชันที่ขออนุญาตเข้าถึงข้อมูล: ก่อนอนุญาตให้แอปพลิเคชันเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น สถานที่ตั้ง รายชื่อติดต่อ หรือรูปภาพ ควรพิจารณาให้รอบคอบว่าจำเป็นต้องให้สิทธิ์เหล่านั้นหรือไม่ ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเป็นประจำ: บริษัทเทคโนโลยีมักมีการปรับเปลี่ยนนโยบายความเป็นส่วนตัวอยู่เสมอ จึงควรตรวจสอบและปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเป็นประจำ การสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง หลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านซ้ำ: ไม่ควรใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับบัญชีต่างๆ สร้างรหัสผ่านที่ซับซ้อน: รวมตัวอักษรใหญ่เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ ใช้ตัวจัดการรหัสผ่าน: ช่วยในการจัดเก็บรหัสผ่านที่ซับซ้อนหลายรหัส การระวังภัยไซเบอร์ ระวังอีเมลขยะและลิงก์ที่น่าสงสัย:...

About ครูออฟ 1563 Articles
https://www.kruaof.com